วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เรื่องเล่าในต่างแดน "โดนทิ้ง" (ตอน 2)

   

            วันเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก   การใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเล็กๆทางตอนใต้ของประเทศนิวซีแลนด์   ชีวิตเป็นปกติสุขเหมือนทุกๆวัน  ไปเรียน 8.00 - 15.00 น.


             1 เดือนเต็มกับชีวิตที่น่าเบื่อ  ไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นเร้าใจ  (หลังจากเหตุการณ์ที่เจอกับ " ไอ้มืด ที่ป้ายรถเมล์  ตั้งแต่นั้นก็ไม่เคยเจอดับมันอีกเลย )
 

              เช้าวันเสาร์ของวันหยุดพักผ่อน ได้แต่นอนกับนอน  แต่ทว่าอากาศที่นี่แจ่มใส และ บริสุทธิ์  เมืองเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้า และ  แกะ ที่กำลัง เล็มกินหญ้าอ่อนอยู่
         กริ๊ง ๆๆๆ  กริ๊ง ๆๆๆ  กริ๊ง ๆๆๆ  กระโดดตีลังกา 3 ตลบ รับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
          ฮัลโหล   ออกสำเนียงฝรั่งจ๋าสุด   " ต้องการขอสายใครค่ะ "
  
             " ขอสาย  น๋อยจัง ค่ะ " ( คนญี่ปุ่น ออกเสียง ไม่ได้ กรรม  เปลี่ยนชื่อให้เสร็จสับเลยวุ้ย )
 
             "กำลังพูดสายอยู่ค่ะ  มีอะไรหรือป่าว โทโมโกะ "
  
              " พรุ่งนี้ พวกเรานัดเจอกันตอนเช้า 7 โมงจะไปร้านกาแฟ ทู ดอลล่าร์  ย่านในเมืองนะ เจอกันที่ สแควร์ นะจ๊ะ  บาย "
  
              " บาย พรุ่งนี้เจอกัน "


                 หลังจากวางโทรศัพท์ ทำไมนัดเช้าจัง ตกลง มันจะไปดื่มกาแฟ จนคุ้มเลยหรอ  ทู ดอลล่าร์ เติมเท่าไหร่ไม่อั้น  สงสัย มันจะไปดวนกัน เมาตายละที่นี่  ดันนัดคนไม่ดื่มกาแฟไป  กรรมของตูอีก  ว่าแล้วก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หาชุดใส่ในวันพรุ่งนี้  อย่างสบายอกสบายใจไม่ต้องทนเหงาอยู่ในบ้าน อีกต่อไป
   
                     เสียงนาฬิกาปลุกดัง บอกเวลา 6 โมงเช้า  รีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว เรามีนัดวันนี้เรามีนัด ฮิ้ววว ผิวปากอย่างอารมณ์ดี  ลั้นลา ...
   

                     ออกจากบ้าน 6 โมง 15 นาที รถเมล์จอดป้าย 6 โมงครึ่ง 15 นาทีทอง วิ่งไม่คิดชีวิต  เนื่องจากเรียนรู้แล้วว่า  ถ้าสายมันจะไม่รอคุณ ไม่ว่ากีวินาทีก็ตาม ตรงฉิบ รถเมล์ที่นี่   แต่ก็ดี ทำให้ทำอะไรเป็นเวลา  และ แน่นอน
  
 
                     ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ในที่สุด การที่เป็นนักกีฬา นักวิ่งมันดีแบบนี้นี่เอง รถเมล์ยังไม่มา ตามที่คิดไว้ พักหายเหนื่อยได้เลย ยื่นรอ 4 นาที รถมาจอดเทียบป้าย  โชว์บัตรตั๋วเดือนให้คนขับดู หยุดทักทาย คุณลุงคนขับสักหน่อย เพราะคุ้นหน้าตากันดี  เห็นกันทุกวัน เช้า และ เย็น เดินไปหาที่นั่งหลังสุดกว้างๆสบายๆ หยิบเครื่องเล่นซีดี ออกมาฟัง อย่างสบายอารมณ์
     
 
             แต่ .. ใจดันไปคิดถึง  ไอ้พี่มืด ได้ไงไม่รู้ สลัดมันออกจากความคิดทิ้งไป  บรึ๊อ ๆๆๆๆ  น่ากลัว สุดๆ
   
             ถึงสแควร์ล่ะ มองไปเห็นเพื่อนยื่นรอกันหน้าสล่อน  วิ่งข้ามถนนไปอีกฝั่ง ของโบสถ์
  
             " ไฮ รอนานไหม สาวๆ "

             " ไม่หรอก เพิ่งถึงกันทั้งนั้น  ก็มี เธอแหละหลังสุดแต่เข้าใจ ก็ดันไปเลือกบ้านกลางทุ่ง แถวชานเมือง นี่นา  "
  
             " ก็พอดีชอบนะ อากาศดี และก็ ธรรมชาติด้วย เงียบๆ ดี  พ่อบ้านแม่บ้านก็น่ารัก เป็นเชฟ ทั้งคู่ได้กินแต่อาหารอร่อยๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
  
              " ไปกันได้ล่ะ มาครบกันหมดแล้วนิ "
   
               ทั้งหมด 5 สาว พร้อมกับ 1 หนุ่ม   มี โทโมโกะ  มิกะจัง  ยูกะ  ทามาดะ  โตชิคุ  และ เรา ผู้เป็นสาวไทยคนเดียวในกลุ่ม   เราต้องใช้เวลาเดินไปร้านกาแฟ  10 นาที อากาศ วันนี้ดีมากเลย อุณหภูมิ 15 องศา กำลังสบายๆ ไม่หนาวไม่ร้อน วันนี้สามารถ ปล่อยผมสยาย รับกับลมที่พัดพามา สบายๆ
   
                  เดินไปคุยกันไป  สักพัก ทุกคนก็หยุด แล้วหันปรึกษากันว่าจะเอาไงดี  เราจะผ่านแก๊งค์ ไวท์ พาวเวอร์  หรือ  เราจะผ่าน แก๊งค์  แบคพาวเวอร์ หยุดคิดกันสักพักที่มุมตึก
(ไวท์ พาวเวอร์ คือพวกสกินเฮดผิวขาว  และ  แบคพาวเวอร์  คือ พวกสกินเฮดชนเผ่าเมาลี)

                  สบายมาก ไม่ต้องห่วง เราเคยมาร้านนี้กับน้องเรา มันพาเดินลัดไปอีกทาง อ้อมหน่อยปลอดภัยกว่า  เอาป่ะ  งั้นโอเคไปกันเลย
    
              ขณะที่เราทั้งหมดกำลัง จะเดินอ้อมไปร้านกาแฟ ปรากฎว่าได้ยินเสียง กลุ่ม หัวล้านเรียก จะไปไหนมานี่ก่อน  ไม่กล้าหันไปมองทุกคนได้แต่ยื่นตัวแข็ง พร้อมวิ่ง
    
              สักพักเสียงกลุ่ม ไวท์ พาวเวอร์  มันก็พูดขึ้น
 
              " เฮ้ยยยย !!  พวก ยู เดินกลับมาเลย ไอ้พวกหัวดำ "

              ได้แต่ด่ามันในใจ พวกตูหัวดำ ดีกว่า พวกมรึง ไอ้หัวล้าน คริคริ  พวกนี้ มันต้องโดนมวยไทยของเรา จะได้หายซ่า  แต่ตอนนี้ จะทำไง  มวยไทยก็ไม่ได้เรียนมา สูงแค่ 150 จะเตะ มันถึงป่าวก็ไม่รู้  กรรม  พ่อจ๋าแม่จ๋า ช่วยลูกด้วย

                มันเดิน อาด ๆ มาทางนี้แล้ว มรึงอย่าตีตูนะ  ตัวแค่นี้ ตายแน่ สู้มันไม่ไหว พวกเพื่อน ต่างยืนกันนิ่งเลย ยูกะจังร้องไห้เลย  ไม่มีใครกล้าขยับเขยิน ไปไหน จนมันเดินเข้ามาใกล้ แล้วมันก็พูดขึ้นว่า

                 " มีเงินบ้างไหม เอามาแบ่งกันใช้หน่อย "

                 ได้แต่ยินมองหน้ากันไปมา จะควักให้มันกี่เหรียญ  ดีหว่า 1เหรียญมันจะเตะตูไหมเนี่ย  5 เหรียญ ก็เยอะไป ตูซื้อ แม๊คเบอเกอร์ ได้อันหนึ่งเลยนะ  ถ้ามันเอามากกว่านี้  หรือเอาหมดกระเป๋า  เงินค่า ขนมตู เดือนนี้จะพอไหมเนี่ย  ได้แต่คิดอยู่ในใจ ทำไงดี

                   นึกได้ หันไปบอกมันว่า ขอเวลาแป๊ป  หันไปปรึกษากับเพื่อนๆ  เรา มากัน  6 คน  ให้มันไป คนล่ะ 2 เหรียญ ก็เป็น 12 เหรียญ   น่าจะพอ

                ยูกะจัง ถาม  " แล้วมันจะยอมหรอ "

                "ไม่รู้ ต้องลองก่อนนะ"

                  แต่ถ้ามันไม่พอ จะเอาอีก ทิ้งระยะห่างจากมันไว้นะ   เห็น โรงหนังข้างหน้าไหม เดี๋ยวเอาเงินให้มันเสร็จ  ไม่ต้องพูดอะไรกันอีกต่อไปเลย วิ่งให้สุดชีวิต แล้วก็ค่อยไปเจอกัน อีก ครึ่งชั่วโมงที่ สแควร์ โอเคป่ะ ตัวใครตัวมันก่อน มันตามไม่ทันหรอก พวกเราตัวเล็ก   *นึกในใจ ( ดีนะ ที่เคยเป็นนักวิ่งกรีฑา ของโรงเรียนมาก่อน )*   กระซิบกระซาบ กันไม่ให้มันได้ยิน  พูดภาษาญี่ปุ่น เท่าทีจะทำได้ หวังว่าเพื่อนๆ มันคงเข้าใจ

                     เดินเข้าไปหามัน ในระยะที่ปลอดภัยที่สุด แล้วก็โยนเงินให้เสร็จไม่พูดอะไร นับ  1  2   3  วิ่งๆๆๆๆๆๆ สุดชีวิต ปิดหูปิดตาวิ่งอย่างเดียว  จนถึงหน้าโรงหนัง หันไปมองหาเพื่อนๆ ไปไหนกันหมดแล้วหว่า  นักวิ่ง ยังสู้ไม่ได้เลย วิ่งเร็วกันจัง

                      สักพัก มีมือมาสะกิดที่หัวไหล่  ใครว่ะ สะกิดตู

                      เสียงพูดแบบสั่นๆ แผ่วเบา  พวกเราปลอดภัยล่ะ ไปดื่ม กาแฟ ทู ดอลล่าร์ กัน

                      มันยังมีอารมณ์ไปดื่มกาแฟกันอีก ตูวิ่งเหนื่อยจะตาย หันกับไปถาม

                      "ทำไม พวกเธอ วิ่งกันเร็วจัง "

                      " อ้าวว ก็วิ่ง ตั้งแต่ นับ 1 แล้ว น๋อยจังไม่ได้บอก นี่นา ว่าจะนับถึง 3 ก็วิ่งกันก่อนแล้ว "

                      " กรรม ทิ้งตูได้ "   


                   พระอาทิตย์อัสดง   รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

กรุณาใช้คำสุภาพในการโพสต์แสดงความคิดเห็น