วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2554

๐ เค้ามาง้อคืนดีกันนะ ๐




ไ ม่ รู้ จ ริ ง ๆ ทำ ไ ม ถึ ง ช อ บ ง้ อ
ไม่เคยท้อ..แม้เธอ..ดื้อได้ใจซะแบบนี้
ทำหน้าบูดตูดบิดต้องง้อทั้งปี
นิสัยยังงี้...ไม่ให้รักเธอได้ไง

ก ลั บ บ้ า น ไ ป น อ น คิ ด
ก็ดันติด..เปลี่ยนตัวเองก็ไม่ได้
ติดที่ดันรักเธอจนหมดหัวใจ
แล้วจะให้ทำอย่างไร..ที่ต้องเทใจง้อเธอ..

พ ย า ย า ม ม า ห ล า ย วั น ห ล าย คื น
เคอะ เคอะ เขิน เขิน ก็ทำใจเสนอ
สัญญาตัวเอง..จะไม่ง้อ..แต่ใจละเมอ
และก็ต้องมานั่งเหม่อ...อยากง้อเธอทุกที

ว่ า แ ล้ ว ก็ ไ ป ส น อ ง ถึ งบ้ า น
ใจมันรนราน..หัวใจเต้นก็ถี่
ไม่รู้เป็นยังไง..เจอหน้ากัน .. นึกอยากมอบชีวี
เวลาที่ผ่านมา 2 ปี...มีความรู้สึกดีๆให้กันหรือยัง

อ า จ จ ะ รั ก ไ ม่ ทั่ ว ถึ ง
แค่อยากให้ซี้ง..หัวใจคงมีหวัง
อยากให้รู้มีเธอเป็นพลัง
ขอเพียงเธอไม่ชัง..ไงถ้างั้น..ฉันขอคืนดี..


พระอาทิตย์อัสดง

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

๐ ปรารถนา ๐



ปรารถนา"มนู"ผู้เหมือนแม้
คอยชะแง้แลหานภาฝัน
อยากสนิทชิดใกล้ไปทั้งวัน
คงเผลอสั่นหวั่นไหวในค่ำคืน

มีหญิงหนึ่งซึ้งในดวงใจนัก
พร้อมสลักภักดีมีหยิบยื่น
ส่งบรรเลงเพลงคำสุดกล่ำกลืน
ร้องสะอื้นขืนดวงทรวงระทม

เสียงเพรงแผ่วแก้วเอื้อนมิเคลื่อนไหว
สดับนัยใจแป่วแว่วขืนขม
เสียงเพลงถ้อยร้อยส่งคงตรอมตรม
จิตจ่อมจมสมจินต์จนสิ้นใจ

ครวญเพลงรักกลับกลายมลายจาก
ถึงวันพรากจากจรวอนหวนไห้
แสนโศกเศร้าเหงาจิตคิดลาไกล
หมดเยื่อใยใคร่ห่างหว่างฤดี

มิคลายรักสักนิดคิดสักหน่อย
ฤาใจน้อยคอยวันนั้นพาหนี
รำพึงหาเพียงหนึ่งจะพึ่งมี
ฤทัยนี้พลีไว้ให้พี่ยา

ร้อยเรียงคำนำหว่านเพื่อสารรัก
วางถึงตักภักดีที่โหยหา
จะนอบน้อมถ่อมตนจนเพลา
ปรารถนาตราสิทธิ์ลิขิตดวง



พระอาทิตย์อัสดง

~ ละเลงคำ ประพันธ์กลอน ~ (ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒)



             
                                                       
     
๏ ละเลงคำ บ ง่ายดอก          มิใช่หลอกนะพี่หนา
กระบวนคำมินำพา          คละเนื้อความมิงามที
 
๏ กระอักอ่วนจะชวนหัว          ละเลงมั่วระรั่วถี่
สะสมพจน์จรดปี          กะไว้เชียวจะเสียกาล
 
๏ ผสมเอาผสานฝัน          จะแบ่งปันจะร้อยกานท์
บ เว้นว่างจะสืบสาน          ประพันธ์บทประพันธ์

 

พระอาทิตย์อัสดง         
                                      
                     

...ดวงใจไททั้งผอง....ทอดแทบบาทองค์ภูวไนย...๕ ธันวาคม......



บารมีทั่วหล้า          ถิ่นสยาม
ณ.แว่นแคว้นเขตคาม          เกริกก้อง
เอกองค์นรินทร์นาม          ขจรเฟื่อง ฟุ้งเฮย
ทวยราษฎรต่างแซ่ซ้อง          คู่ฟ้าแผ่นดิน


***************

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า..เจ้าของนามปากกา "พระอาทิตย์อัสดง"

วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

~ เสียงบรรเลงเพลงไผ่ ~




  ๏ลมพัดประหนึ่งหวิว           ก็สยิวก็หวามไหว
เพียงสบกระทบใจ               นยะจิตก็ชิดตาม
หนึ่งคำกระหน่ำจินต์             มลสิ้น บ ไถ่ถาม
เรียนรู้กระชับความ               รติหวานก็หว่านคำ ๚

๏งามถ้อยเพราะร้อยเรียง       ก็เหมาะเคียงมิเพียงพร่ำ
อ่อนช้อยจะคอยนำ              ดุจลมสิห่มใจ
ยินเพียง ฤ เสียงลม             สุขสม ณ.ลานไผ่
ยอดทิวระริ้วไหว                  ระยะใบจะต้องลม ๚

๏ใบปลิวก็พลิ้วไหว               ดรุใหญ่ก็เชยชม
เหมือนเพลงระเริงสม            กวะเสียงสิเรียงมาน
ร่ายรำกะคำคม                     อภิรมย์ ณ.ถิ่นฐาน
หนึ่งรักสลักนาน                   ก็สดับกระจับใจ ๚

พระอาทิตย์อัสดง


อินทรวิเชียร์ฉันท์  ๑๑



                                                                                      

วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

~ ฤดูอักษร ~ (อินทรวิเชียร์ฉันท์ ๑๑)



๏ ลมหนาว ณ.ครานี้            รมณีมิอาจฝืน
เจ็บช้ำก็กล้ำกลืน               อุระตรม บ สร่างซา
เหมันตผันผ่าน                  ผิวรานสะท้านหา
ร้อยเรียงสิเคียงพา              สติมั่นจะจดจาร ๚

๏ เพียงจิตลิขิตฝัน             ปฎิพันธ์และสืบสาน
หนึ่งพจน์จรดนาน              บ มิหวังมลายลง      
คืนค่ำฤดีนี้                      อดิถีจะซื่อตรง    
รำพัน ณ ไพรพง               ขณะใจก็แพรวพราว ๚
 
๏ สายลมสบัดพลิ้ว             มนหวิวและเหน็บหนาว
หนึ่งน้อมถนอมดาว             ก็กระจ่างสว่างตา     
คมคำ ณ. ลานจิต              ระดะมิตรจะใฝ่หา   
ถักถ้อยละมุนมา                 เพราะละไมก็ไขขาน ๚


พระอาทิตย์อัสดง


ขอขอบคุณภาพจาก Mr.Lan Barber - Google +  (Thanks for your photo)